คริสต์ศตวรรษที่ 3-10 เป็นเวลาที่ยุโรปกำลังอยู่ในยุคกลางได้มีการสู้รบกันนองเลือด แต่ในบริเวณประเทศ Guatemala, Belize, EI Savador, Honduras และ Mexico อารยธรรม Maya กำลังรุ่งเรืองอยู่ในขณะนั้น เพราะถึงแม้สภาพแวดล้อมจะเป็นป่าทึบ และมีฝนตกหนัก ชนชาวมายาก็ยังสามารถสร้าง อาณาจักรที่อลังการและมโหฬารได้ ชาวมายานับถือกษัตริย์ประดุจเทพเจ้า มีวัฒนธรรมเคารพนบนอบบรรพบุรุษ และเทพเจ้าหลายองค์ หลักฐานหลายประการในอาณาจักรมายาแสดงให้มนุษย์รุ่นหลังอย่างเราได้เห็นถึงความเจริญก้าวหน้าอย่างไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะเป็นมุษย์รุ่นโบราณที่เกิด ในยุคก่อนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรา ชาวมายารู้จักตัดถนนเป็นทางตรงยาวร่วม 100 กิโลเมตร ระหว่างเมือง Mayapan Uxmal และ Chicchen-Itza ทั้งด้านขนบธรรมเนียมประเพณีที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นก็มีหลักฐานปรากฎมากมายที่เมือง Palenque และ Copan หลงเหลือไว้จนทุกวันนี้ เมือง Palenque ซึ่งตั้งอยู่ในป่า Chiapas ของประเทศเม็กซิโก เป็นเมืองที่ได้เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในราวปี พ.ศ. 1110 ในเมืองมีโบสถ์ วิหาร มากมาย ตามผนังกำแพงเมืองมีลายสลัก ภาพบรรยายสงคราม การประสูติ และสวรรคตของกษัตริย์มายาองค์ต่างๆ แต่เมื่อพิจารณาบรรดาสิ่ง ก่อสร้างทั้งหมดก็จะเห็นว่า ปิรามิดเก็บศพของกษัตริย์ Pacal มีชื่อเสียงที่สุด ปิรามิดนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1218 และเสร็จในอีก 11 ปีต่อมา ตัวปิรามิด ถูกสร้างเป็นชั้นๆ ชั้นบนสุดเป็นอาคารที่มีทางเดินสู่ยมโลก เมื่อนักโบราณคดีชาวเม็กซิโกชื่อ Alberto Ruz Lhuillier พบปิรามิดแห่ง Palenque เมื่อ 60 ปีก่อนนี้ เขาได้พบเครื่องปั้นดินเผา หยก เปลือก หอยและไข่มุกมากมายเรียงรายอยู่ในตัวปิรามิด และยังได้เห็นกระดูกของเด็กวัยหนุ่มสาวที่ถูกฆ่าเพื่อพลีถวายแด่เทพเจ้าประจำปิรามิดด้วย เพราะ เหตุที่ใช้เป็นสถานบูชายันต์ ปิรามิดนี้จึงถูกทาด้วยปูนสีแดง ซึ่งเป็นสีของเลือด แต่เมื่อเวลาผ่านไป สภาพแวดล้อม ฝน และมลพิษได้ชะสีเหล่านี้ไปจน หมดสิ้น เหลือแต่สีที่แท้จริงของหินที่นำมาก่อสร้างปิรามิดเท่านั้นเอง ที่ระดับลึก 23.5 เมตร ใต้พื้นปิรามิดลงไปมีโลงหินอยู่ภายในห้อง และที่ผนังห้องมีภาพเขียนของคน 9 คน ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าโลงศพ ภายในโลง มีกระดูกของกษัตริย์ Pacal ซึ่งได้รับการตกแต่งด้วยเครื่องประดับที่ทำด้วยหยกมากมาย ในความพยายามใดๆ ที่จะเข้าใจมายา เราต้องรู้ความหมาย ของภาษามายา การแปลความหายของภาพในภาษามายาทำให้เรารู้ว่าคำว่า Pacal นั้นแปลว่า "โล่" และพระองค์ทรงประสูติเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 1146 ขณะมีพระชนม์มายุได้ 12 พรรษา พระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ และได้ไปทรงปกครองอาณาจักรนานถึง 69 ปี ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 1226 รวมพระชนม์มายุได้ 80 พรรษา นักโบราณคดีเชื่อว่า จำนวนขั้นบันได 69 ขั้นของปิรามิดแห่ง Palenque บอกจำนวนปี ที่กษัตริย์ Pacal ทรงครองราชย์ ถึงแม้ว่าตัวอักษรภาพที่ปรากฎในปิรามิดจะบรรยายเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่เกิดในรัชสมัยของ Pacal ได้อย่างน่าสนใจแต่ภาพสลักที่ ปรากฎบนฝาโลงหินเอง Pacal ซึ่งบอกความเชื่อของพระองค์ก็น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน ภาพแกะสลักแสดงดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และภาพขององค์กษัตริย์ Pacal ขณะประทับในยมโลกที่เบื้องพระพักตร์ของพระองค์มีต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ชาวมายา เชื่อว่าเป็นศูนย์กลาง สรรพสิ่งในจักรวาล ต้นไม้นี้เติบโตงอกงามมีกิ่งก้านสูงถึงสวรรค์ และในขณะเดียวกันรากของมันก็เจาะลึกลงไปถึงยมโลกด้วย ต้นไม้ต้นนี้จึงเป็น เส้นทางให้คนดีขึ้นสวรรค์ และคนชั่วลงนรก การแกะสลักรูปของ Pacal ประทับอยู่ตรงหน้าต้นไม้ แสดงให้เห็นว่า พระองค์จะทรงจุติใหม่ในสวรรค์ เพราะเหตุว่า Pacal ได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนที่ปิรามิดจะสร้างเสร็จพระราชโอรส Chan Bahlum จึงได้ทรงดำเนินการก่อสร้างต่อจนเสร็จ จากนั้นอาณาจักรมายาก็เริ่มสลาย เพราะสภาพแวดล้อมเริ่มเสื่อม และสงครามเริ่มเกิดบ่อยเพราะถูกชนเผ่า Aztec โจมตี เมื่อทุพภิกขภัยเริ่มมี ความ เดือดร้อนทุกข์ยากก็เริ่มปรากฎ และถึงแม้จะมีการผลักผู้คน ชาย หญิงและเด็กลงไปในบ่อน้ำลึก เพื่อให้พระเจ้าของชาวมายาทรงพอพระทัย การฆ่าคน เช่นนี้ ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายดีขึ้นเลย วิหารต่างๆ ที่ถูกสร้างในเวลาต่อมาเริ่มมีขนาดเล็กลงๆ คำเขียนบรรยายเกี่ยวกับอาณาจักรนี้เริ่มไม่ ปรากฎ จนกระทั่งถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 ชาวมายาได้พากันทิ้งเมือง ทิ้งร่องรอยความเจริญไปอย่างไม่หวนกลับมาอีก โลกภายนอกเริ่มรู้จักอาณาจักรมายา เมื่อกองทัพสเปนได้บุกเข้าทำลายฆ่าประชากรมายาอีกครั้ง ได้ขนทรัพย์สมบัติมากมายของชนเผ่านี้ กลับสเปนและโลกก็ได้ประจักษ์ว่าชาวมายา มีความรู้ด้านดาราศาสตร์ การเมือง คณิตศาสตร์ และศิลปกรรม เช่น ได้เห็นรูปแกะสลักที่ทำด้วยหิน ขนาดเท่าคนจริงที่ Palenque เห็นหน้ากากที่ทำด้วยหยกสำหรับสวมหน้าคนตายที่ Tikal ใน Guatemala เป็นต้น ศิลปวัตถุเหล่านี้แสดงให้เห็นความเจริญรุ่งเรือง ของอาณาจักรมายาในอดีต ที่ได้สลายไปโดยฝีมือกองทัพสเปนเมื่อประมาณ 500 ปีก่อนนี้ มาบัดนี้ อาณาจักรมายาก็กำลังจะสลายอีกครั้ง คราวนี้โดยฝีมือของพวกพ่อค้าวัตถุโบราณ นักท่องเที่ยวและพิพิธภัณฑ์ต่างชาติ ดังนั้นรัฐบาลของประเทศที่มีอารยธรรมมายาจึงต้องทำสงครามต่อสู้โจรอารยธรรมเหล่านี้ เพราะในแต่ละเดือน สมบัติมายามูลค่าหลาย ล้านบาทจะถูกลักลอบนำออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยวัตถุล้ำค่านี้ส่วนใหญ่จะถูกนำไปขายหรือมอบให้แก่พิพิธภัณฑ์ต่างชาติ และบางส่วน จะถูกส่งไปขายให้นักเก็บสะสมของเก่า ซึ่งส่วนมากก็เป็นชาวยุโรปหรืออเมริกา เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้รัฐบาลของบางประเทศเช่น Guatemala จึงได้ ออกกฎหมายห้ามการขนย้ายวัตถุมายาทุกรูปแบบออกนอกประเทศ โดยถือว่าวัตถุมายาใดที่ถูกส่งออกนอกประเทศในระยะเวลาปีที่ผ่านมานี้เป็นวัตถุ ที่ถูกขโมยมาทั้งสิ้น ถึงจะมีกฎหมายที่เข้มงวดสักปานใด ความต้องการของตลาดวัตถุโบราณก็ยังสูงอยู่ดี ความกระหายนี้มีผลทำให้คนที่ชอบขโมยวัตถุเหล่านี้ แทนที่จะลอบทำอย่างระมัดระวัง กลับใช้ระเบิดหรือเลื่อยไฟฟ้า เจาะตัดผ่านกำแพงเก็บอย่างไร้การคำนึงใดๆ มีผลทำให้ศิลปวัตถุในบริเวณใกล้เคียง ถูกทำลายลงไปด้วย จึงเป็นเสมือนว่า การโจรกรรมในแต่ละครั้งเป็นการโจรกรรมทุกเรื่อง ทั้งทรัพย์สมบัติ อารยธรรม และประวัติศาสตร์ของชาติไป พร้อมๆ กัน เมื่อสถานการณ์ทวีความเลวลงทุกวัน รัฐบาล Guatemala ซึ่งตั้งใจว่าเงินรายได้จากนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมอารยธรรมมายาจะมีมากกว่า กาแฟในอีก 5 ปีข้างหน้า จึงได้เสนอแนะรัฐบาลอเมริกาให้ออกกฎหมายห้ามไม่ให้มีการนำมรดกมายาเข้าอเมริกาอย่างเด็ดขาด กฎหมายนี้ได้ทำให้ ศุลกากรอเมริกาต้องส่งวัตถุมายากลับคืน Guatemala กว่า 500 ชิ้น ในปี พ.ศ. 2534 และขณะนี้รัฐบาล Guatemala ก็กำลังดำเนินการเด็ดขาดยิ่งขึ้น ไปอีก โดยการฟ้อง Boston Museum of Fine Arts ให้คืนเครื่องปั้นดินเผามายาบางชิ้น ทั้งๆ ที่ทางพิพิธภัณฑ์อ้างว่าได้หม้อ และไห เหล่านั้นจากการ บริจาคก็ตาม แต่ทางรัฐบาล Guatemala ก็ได้ต่อรองกับพิพิธภัณฑ์ โดยเสนอว่าจะให้ทางพิพิธภัณฑ์ยืมเครื่องปั้นดินเผาดังกล่าว เป็นเวลานาน แต่ พิพิธภัณฑ์ก็จะต้องคืนในที่สุด และทันทีที่คืนรัฐบาล Guatemala ก็จะให้ยืมวัตถุมายาอีกชิ้นที่มีราคาพอๆ กัน เป็นเวลานานต่อไปอีก ทางพิพิธภัณฑ์ได้ ตอบปฏิเสธข้อเสนอนี้ โดยอ้างว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ของอเมริกาแต่ประการใด และขณะนี้การยื้อแย่งก็กำลังดำเนินการอยู่ในศาล เมื่อการค้าวัตถุมายากำลังมีปัญหาในอเมริกาเช่นนี้ ทิศทางการค้าวัตถุมายาจึงได้เบนไปสู่ยุโรปแทน เพราะปรากฎว่าขณะนี้คนยุโรปกำลัง นิยมท่องเที่ยวดินแดนแถบนี้มากขึ้นทุกปี และทุกคนเมื่อมาเยือนแล้วก็เป็นปกติที่ต้องซื้อของที่ระลึกทุกรูปแบบ รัฐบาล Guatemala จึงต้องต่อสู้กับนักท่องเที่ยวอันเป็นบุคคลนอกประเทศ และคนในประเทศที่ชอบขโมยวัตถุโบราณไปขาย และก็นับว่าเป็น โชคดีที่สงครามกลางเมืองของประเทศนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว รัฐบาลจึงให้ทหารที่แทนที่จะสู้กันเองให้หันมาสู้โจรอารยธรรมแทน แต่ก็ยังไม่ประสบความ สำเร็จดี เพราะตลาดวัตถุโบราณมีเงินหมุนเวียนมาก คนจนๆ เช่น เจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านธรรมดา จึงมักหักห้ามใจ ที่จะไม่ทำผิดกฎหมายไม่ขายชาติ ไม่ค่อยจะได้ ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่เวลาเท่านั้นที่จะตัดสินได้ว่า อารยธรรมมายาจะคงอยู่ตลอดไปหรือสลายเป็นครั้งที่สองครับ